Healing Hair plus ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน รักษาได้

  เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก       
 
 

Finasteride

            

    

  

อาการผมร่วง หรือผมบาง แม้จะไม่ใช่ปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญนั้น แต่ส่งผลให้ผู้เผชิญ ปัญหาดังกล่าว ขาดความมั่นใจจนอาจเป็นสาเหตุทำให้เสียบุคลิกภาพที่ดีไปได้ การแก้ไขปัญหาผมร่วง หรือผมบางมี มากมายหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทอผม,ปลูกผม หรือการใช้วิก การใช้ยาก็เป็นอีกทาง เลือกหนึ่ง ที่ค่อนข้างสะดวก ไม่ยุ่งยาก ในปัจจุบันยาที่ใช้สำหรับรักษาอาการผมร่วง หรือผมบาง แบบพันธุกรรม นอกจาก Minoxidil แล้ว ยังมียาตัวใหม่แบบรับประทานที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลดีในผู้ชาย คือ ยา Finasteride ความจริงแล้วยานี้ก็ไม่ใช่ยาใหม่ซะทีเดียว เนื่องจากมีการนำมาใช้สำหรับรักษาโรคต่อม ลูกหมากโตในผู้ชาย 

  

ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5- alpha-reductase ทำให้ระดับของ DHT ทั้งในกระแสเลือดและที่เซลล์สร้างเส้นผม ลดลงกว่า 60 % ช่วยยับยั้งการทำลายของเส้นผม จึงทำให้ผมหยุดร่วง และมีส่วนช่วยเพิ่มการงอกของเส้นผมอีกด้วย

 

         ผลการรักษามีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยาในแต่ละคน จากรายงานทางการแพทย์ระบุว่า ฟิแนสเทอไรด์ทำให้ผมหยุดร่วง และ/หรือ ผมขึ้นใหม่ได้อยู่ระหว่าง 66 -88% ฟิแนสเทอไรด์ นับเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยและได้ผลดี ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ ความต้องการทางเพศและการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดน้อยลง พบได้น้อยกว่า 2 % ผลข้างเคียงอื่นๆซึ่งพบได้รองลงมาคือ ปริมาณน้ำอสุจิลดน้อยลง เจ็บบริเวณเต้านมหรือเต้านมอาจโตขึ้นได้ อาการข้างเคียงต่างๆเหล่านี้จะกลับคืนเป็นปกติเมื่อหยุดใช้ยา หรืออาจหายไปได้เอง แม้ว่ายังกินยาอยู่ก็ตาม ยาตัวนี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจึงจะเห็นผล โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะประเมินผลการรักษา และหากใช้ยาแล้วได้ผล จำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องตลอดไป เพราะหากหยุดยา เส้นผมที่งอกใหม่ และ/หรือ เส้นผมที่ควรจะหลุดร่วงไป (แต่ไม่ร่วงเพราะฤทธิ์ของยา) จะร่วงไปจนหมด แต่ยานี้ไม่มีผลผลทำให้ ผมร่วง มากขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด

 

(หากรักษาผมให้กลับมาดกดำแล้ว ควรที่จะค่อยๆลดการใช้ลง เช่น วันละ1เม็ด/3วันต่อ1เม็ด/5วันต่อ1เม็ด/อาทิตย์ละเม็ด เป็นต้น ไม่ควรรับประทานในระยะยาว)

 

 

 

(ไม่แนะนำให้ใช้รักษาในผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เพราะจะมีปัญหาในเรื่องของฮอร์โมนอาจเกิดความผิดปกติของอวัยวะเพศของบุตรในครรภ์ได้)